เครื่องคำนวณ BMI สำหรับคนไทย (คำนวณฟรี)

คำนวณดัชนีมวลกายของคุณได้ง่ายๆ ภายใน 30 วินาที

คำนวณ BMI ของคุณ

ชาย
หญิง

ตารางเปรียบเทียบค่า BMI

ผอม
ปกติ
เริ่มอ้วน
อ้วน
ต่ำกว่า 18.5: น้ำหนักน้อย
18.5 - 22.9: ปกติ
23.0 - 24.9: เริ่มอ้วน
25.0 ขึ้นไป: อ้วน

วิธีคำนวณ BMI ของคนไทย

BMI ของคนไทยใช้เกณฑ์ที่แตกต่างจากประเทศตะวันตก จึงควรใช้สูตรและค่ามาตรฐานที่เหมาะสมกับคนไทยโดยเฉพาะ.

ตารางเกณฑ์ BMI สำหรับคนไทย

เกณฑ์ BMI ของคนไทยแบ่งออกเป็น ผอม ปกติ เริ่มอ้วน และอ้วน ซึ่งช่วยให้ประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพได้อย่างถูกต้อง.

ค่า BMI หมายถึงอะไร?

BMI คือค่าที่ใช้ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและส่วนสูง ซึ่งช่วยระบุความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ.

เหมาะสำหรับ (ผู้ที่ต้องการคำนวณ BMI และควบคุมน้ำหนัก)

คนที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนัก

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคำนวณ BMI เพื่อวางแผนลดน้ำหนัก ลดไขมัน และติดตามผลอย่างถูกต้องตามตาราง BMI คนไทย.

ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

ใช้ตรวจสอบดัชนีมวลกาย ควบคู่กับแผนออกกำลังกาย เช่น ฟิตเนส วิ่ง ปั่นจักรยาน เพื่อประเมินสุขภาพและความเสี่ยงโรคอ้วน.

คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการปรับรูปร่าง

ช่วยประเมินค่า BMI หลังคลอด พร้อมแนวทางควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสำหรับคนไทยและปลอดภัยสำหรับคุณแม่.

ผู้ป่วยเบาหวานหรือเสี่ยงโรคเบาหวาน

การติดตาม BMI เป็นส่วนสำคัญของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานและภาวะอ้วนลงพุง.

ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและความดันสูง

ช่วยประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนด้วยค่ามาตรฐานตาราง BMI คนไทย เฉพาะคนไทย.

พนักงานออฟฟิศและคนทำงานประจำ

เหมาะสำหรับผู้ที่นั่งนาน เสี่ยงไขมันสะสม ใช้ตรวจสอบ BMI เพื่อลดความเสี่ยงอ้วนลงพุงและปรับพฤติกรรมสุขภาพ.

ผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลสุขภาพ

คำนวณ BMI เพื่อประเมินสุขภาพ ป้องกันภาวะผอมเกินหรืออ้วนเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคในผู้สูงอายุ.

นักวิ่ง นักกีฬา และผู้รักสุขภาพ

เหมาะสำหรับนักกีฬาและนักวิ่งที่ต้องการประเมินน้ำหนักตัว เปอร์เซ็นต์ไขมัน และผลต่อสมรรถภาพร่างกายตามBMI สำหรับนักกีฬา.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. BMI คืออะไร และทำไมต้องคำนวณ?

BMI (Body Mass Index) หรือ ดัชนีมวลกาย คือตัวเลขที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและส่วนสูงของคุณ ซึ่งช่วยบอกว่าน้ำหนักของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ การคำนวณ BMI เป็นประจำช่วยให้คุณติดตามสุขภาพ ป้องกันโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการวางแผนการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์การอนามัยโลก (WHO) และกระทรวงสาธารณสุขไทยแนะนำให้คนไทยมี BMI อยู่ระหว่าง 18.5-22.9 เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด

2. ค่า BMI ที่เหมาะสมสำหรับคนไทยควรเป็นเท่าไร?

สำหรับคนไทยและคนเอเชีย เกณฑ์การประเมินค่า BMI จะแตกต่างจากชาวตะวันตก โดยกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขไทยกำหนดดังนี้: BMI ต่ำกว่า 18.5 แปลว่าน้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ BMI 18.5-22.9 ถือว่าน้ำหนักปกติและเหมาะสมที่สุด BMI 23.0-24.9 เริ่มมีน้ำหนักเกิน ควรเริ่มควบคุมอาหารและออกกำลังกาย และ BMI 25.0 ขึ้นไป ถือว่าอ้วน เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย

3. ถ้า BMI สูงหรือต่ำเกินไปควรทำอย่างไร?

หาก BMI ของคุณสูงเกินไป (มากกว่า 23) ควรเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น ลดอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพิ่มผักและผลไม้ กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ นอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และจัดการความเครียด หาก BMI ต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 18.5) ควรเพิ่มปริมาณอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ กินอาหารบ่อยขึ้นวันละ 5-6 มื้อ เพิ่มโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่ว ออกกำลังกายแบบเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล

4. ค่า BMI เท่าไหร่เรียกว่าผอมเกินไป?

สำหรับคนไทยและคนเอเชีย ค่า BMI ที่ต่ำกว่า 18.5 ถือว่าน้ำหนักน้อยหรือผอมเกินไป โดยแบ่งระดับความรุนแรงได้ดังนี้: BMI 17.0-18.4 เป็นภาวะผอมเล็กน้อย อาจยังไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่ควรเพิ่มน้ำหนัก BMI 16.0-16.9 เป็นภาวะผอมปานกลาง เริ่มมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำ ง่ายต่อการเจ็บป่วย และ BMI ต่ำกว่า 16.0 เป็นภาวะผอมมาก มีความเสี่ยงสูงต่อโรคกระดูกพรุน ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และปัญหาสุขภาพร้ายแรง ผู้ที่มี BMI ต่ำกว่า 18.5 ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เช่น โรคไทรอยด์ทำงานเกิน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง หรือความเครียดเรื้อรัง และควรเริ่มเพิ่มน้ำหนักด้วยการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไขมันดี และออกกำลังกายแบบ Weight Training เพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อ

5. ตาราง BMI สำหรับคนไทย อายุ 40+ ควรเป็นอย่างไร?

สำหรับคนไทยอายุ 40 ปีขึ้นไป เกณฑ์ BMI ที่เหมาะสมอาจปรับเปลี่ยนเล็กน้อยจากวัยหนุ่มสาว เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ ได้แก่ มวลกล้ามเนื้อลดลง อัตราการเผาผลาญช้าลง และความหนาแน่นของกระดูกลดลง สำหรับวัยกลางคน 40-59 ปี ค่า BMI ที่เหมาะสมคือ 18.5-23.9 โดยควรรักษาให้อยู่ใกล้ 21-22 เพื่อลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานและหัวใจ ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป การศึกษาพบว่า BMI ที่ 22-25 อาจเหมาะสมกว่า เพราะช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหาร รักษามวลกระดูกและกล้ามเนื้อ และลดความเสี่ยงการหกล้ม อย่างไรก็ตาม คนอายุ 40+ ควรให้ความสำคัญกับสัดส่วนเอวด้วย ชายควรมีเอวไม่เกิน 90 ซม. และหญิงไม่เกิน 80 ซม. เพราะไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้องเสี่ยงต่อโรคหัวใจและเบาหวานมากกว่า BMI เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ควรตรวจสุขภาพประจำปี วัดความดัน ระดับน้ำตาล คอเลสเตอรอล และความหนาแน่นกระดูกเป็นประจำ

6. BMI ไม่ได้ใช้กับใครบ้าง?

แม้ว่า BMI จะเป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่เหมาะสมสำหรับบางกลุ่มคนดังนี้: 1. นักกีฬาและผู้ที่เล่นกล้ามเนื้อ - กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมัน ทำให้ BMI สูง แต่ไม่ได้หมายความว่าอ้วน ควรใช้เครื่องวัดองค์ประกอบร่างกาย (Body Composition) แทน 2. เด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี - ควรใช้กราฟ BMI-for-age ที่คำนึงถึงการเจริญเติบโตตามวัย ไม่ใช้เกณฑ์ผู้ใหญ่ 3. หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร - น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติและจำเป็น BMI ไม่สามารถสะท้อนสุขภาพที่แท้จริงได้ 4. ผู้สูงอายุมาก (80 ปีขึ้นไป) - มวลกล้ามเนื้อและกระดูกลดลงมาก BMI อาจไม่สะท้อนสุขภาพที่แท้จริง 5. ผู้ที่มีความพิการทางกายภาพ - โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถยืนหรือชั่งน้ำหนักได้ปกติ 6. ผู้ป่วยบางโรค เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง, โรคบวมน้ำ, หรือโรคที่มีผลต่อมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ ควรใช้วิธีการประเมินอื่นร่วมด้วย เช่น การวัดรอบเอว, เปอร์เซ็นต์ไขมัน, WHR (Waist-to-Hip Ratio) หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

คู่มือการใช้งาน

วิธีการคำนวณ BMI

สูตรการคำนวณ: BMI = น้ำหนัก (กก.) ÷ ส่วนสูง² (ม.)

ตัวอย่าง: ถ้าคุณหนัก 65 กก. และสูง 170 ซม. (1.70 ม.)

BMI = 65 ÷ (1.70 × 1.70) = 65 ÷ 2.89 = 22.49

ขั้นตอนการใช้งาน

  • ขั้นที่ 1: เลือกเพศของคุณ (ชาย หรือ หญิง)
  • ขั้นที่ 2: กรอกน้ำหนักของคุณเป็นกิโลกรัม
  • ขั้นที่ 3: กรอกส่วนสูงของคุณเป็นเซนติเมตร
  • ขั้นที่ 4: กรอกอายุของคุณ
  • ขั้นที่ 5: คลิกปุ่ม "คำนวณ BMI"
  • ขั้นที่ 6: ดูผลลัพธ์และคำแนะนำ

ข้อควรระวัง

  • BMI เป็นเพียงตัวบ่งชี้เบื้องต้น ไม่ได้วัดปริมาณไขมันในร่างกายโดยตรง
  • นักกีฬาหรือผู้ที่มีกล้ามเนื้อมากอาจมี BMI สูง แต่ไม่ได้หมายความว่าอ้วน
  • สำหรับเด็กและวัยรุ่น ควรใช้เกณฑ์ BMI เฉพาะอายุ
  • หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ BMI เป็นตัวชี้วัด
  • ผู้สูงอายุอาจต้องการคำแนะนำพิเศษจากแพทย์

เคล็ดลับการรักษาน้ำหนักให้เหมาะสม

  • กินอาหารครบ 5 หมู่: ผัก ผลไม้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันดี
  • ดื่มน้ำเปล่า: อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • ลดความเครียด: ทำสมาธิ โยคะ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: ชั่งน้ำหนักและวัด BMI ทุก 1-2 สัปดาห์

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

  • BMI สูงกว่า 25 และมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก
  • BMI ต่ำกว่า 18.5 เป็นเวลานาน
  • น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีประวัติโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง
  • ต้องการคำปรึกษาเรื่องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย